“ อย่างที่ทราบกันดีว่า บุหรี่ไฟฟ้าsmok เป็นปัญหาที่หลายประเทศต่างก็ให้ความสำคัญ พร้อมมีการรณรงค์กระตุ้นเตือนตอกย้ำให้ทุกคนได้ทราบถึงพิษภัย เพื่อที่จะได้เลิกหรือไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ”
แต่ไม่ว่าจะมีการรณรงค์หรือออกสื่อในรูปแบบใด ปัญหาจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าsmok ก็ยังไม่เคยหมดไป ด้วยการหลอกให้เกิดความหลงเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าsmok นี้มีความปลอดภัยไม่มีอันตรายเหมือนกับบุหรี่ทั่วไป แต่รู้หรือไม่ สารพิษที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าsmok นอกจากจะทำลายสุขภาพของผู้สูบแล้ว ยังส่งผลเสียต่อคนรอบข้างที่สูดดมควันบุหรี่ และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลายชนิด หนึ่งในนั้น คือ “โรคถุงลมโป่งพอง” เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง แล้วโดรคนี้มีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน วันนี้จะพาไปทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับโรคนี้กัน
สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง
การที่เราสูดสารที่เป็นพิษ อาจจะอยู่ในรูปของฝุ่นควันที่มีอานุภาพเล็ก ๆ หรือแก๊ส หรือสารเคมีเข้าไปยังปอด นอกจากนั้นสาเหตุที่เรารู้กันดี คือ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าsmok ยิ่งสูบนานสูบมากก็จะมีโอกาสที่จะเป็นมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากการที่เราสูบเอง หรือได้รับจากสิ่งแวดล้อม เช่น จากคนในบ้านหรือที่ทำงานด้วย นอกจากบุหรี่ไฟฟ้าsmok ก็จะมีสารที่เป็นพิษอย่างอื่นที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน เช่น มลภาวะในอากาศตามท้องถนน หรือตามโรงงานต่าง ๆ ทีนี้อาจจะสงสัยว่าบางคนเป็นบางคนไม่เป็นทั้ง ๆ ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าsmok เท่ากันหรือว่าทำงานที่เดียวกัน ก็เนื่องจากว่ามีปัจจัยในตัวคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องก็คือเรื่องของพันธุกรรม ในบางคนอาจจะมีพันธุกรรมที่ผิดปกติทำให้การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของปอดทำได้น้อยกว่าคนปกติ หรืออาจจะมีความผิดปกติของปอดตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ทำให้ต้นทุนน้อยกว่าคนอื่นก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่า
การวินิจฉัยโรคโรคถุงลมโป่งพอง
เมื่อผู้ป่วยมีความเสี่ยง อย่างเช่น การบุหรี่ไฟฟ้าsmok หรือการรับฝุ่นควันมาเป็นเวลานาน แล้วก็มีอาการเหนื่อยหรือว่าไอเรื้อรัง ซึ่งจะยืนยันการวินิจฉัยโดยการตรวจสมรรถภาพปอด หรือว่าเป่าปอดและพบว่ามีการตีบแคบอุดกั้นของหลอดลม เนื่องจากว่าการตรวจร่างกายอาจไม่พบความผิดปกติ เอกซเรย์ปอดก็อาจไม่พบความผิดปกติเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคนี้ สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ไฟฟ้าsmok และสูดดมสารพิษเข้าไป หรือถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรจะต้องใส่หน้ากาก และหน้ากากนั้นต้องได้มาตรฐานตามวิชาชีพ